ตากีล่า (Tequila)
ตากีล่า เป็นเหล้าสีขาว มีรสชาติและกลิ่นที่รุนแรง บาดคอ เวลาดื่มเพียวๆจะร้อนซู่ซ่าไปตลอดช่องทางเดินอาหาร
ผลิตจากต้น " อากาเว่ " (Agave) หรือ พืชตระกูลป่าน ที่มีลักษณะแกนกลางของลำต้นอวบใหญ่ เต็มไปด้วยแป้ง ใบสีเขียวเข้ม มาตั้งแต่ ค.ศ. 250-300 ต่อมาชาวสเปนในเม็กซิโกเริ่มเรียนรู้ว่า มีอากาเว่บางพันธุ์เท่านั้นที่สามารถนำมาผลิตสุราคุณภาพดี สุราที่ผลิตจากอากาเว่นี้ เรียกกันว่า "อา-กวาร์เดนเต้ เดอ อากาเว่" (Aguardiente de agave’) นับจนถึงสมัยศตวรรษที่ 19 สุราชนิดนี้เปลี่ยนเป็นมีชื่อเรียกตามถิ่นกำเนิด คือเตกิล่า (Tequila) ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่ผลิตสุรา ส่วนต้นบลูอากาเว่ (Blue Agave’) นั้น เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต เตกิล่า จะต้องใช้เวลาปลูกนาน 8 – 12 ปี ถึงจะนำมาใช้ผลิตเตกิล่าได้ อย่างไรก็ตาม หากมีการบำรุงไม่ดีพอ จะทำให้ใช้เวลาปลูกนานกว่านั้น ถึงจะใช้ผลผลิตได้
ปกติ ตากีล่าจะมีสีขาว แต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้ ชาวพื้นเมืองเม็กซิโก นิยมดื่มเหล้าตากีล่าโดยไม่ผสม
คุณภาพของเทอกีล่านั้นต้องดูกันที่สี แบบธรรมดาที่สุดก็คือ พวกที่มีสีใสแจ๋ว ผลิตเสร็จก็บรรจุลงขวดเลย ไม่มีการบ่มในถัง Oak เราเรียกพวกนี้ว่า Silver หรือหากเป็น Gold ก็จะมีการแต่งรสด้วยคาราเมลทำให้ดื่มง่ายขึ้น กลุ่มนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า Blanca เป็นภาษาสเปนที่แปลว่าสีขาว ดีขึ้นมาอีกหน่อยคือกลุ่ม Reposado (อ่านว่าเรโปซาโด) คือ มีการบ่มเทอกีล่าไว้ประมาณ 2 เดือน ถึง 1 ปี ก่อนบรรจุลงขวด จึงมีสีน้ำตาลหรือเหลืองอ่อนๆ กลุ่มสุดท้ายซึ่งดีที่สุดก็คือกลุ่ม Anejo (อ่านว่าอาเนโค่) ซึ่งต้องบ่มไว้อย่างน้อย 1 ปี จึงทำให้มีสีน้ำตาลเข้ม เทอกีล่าที่รสชาติดีที่สุดจะบ่มไว้ถึง 5 ปีเลยทีเดียว
เตกิล่าสีขาว (ซิลเวอร์-Silver) เมื่อกลั่นเสร็จแล้วจะต้องนำไปผสมน้ำให้เจือจางเพื่อให้ได้ปริมาณ แอลกอฮอล์ตามต้องการและพักไว้ 15-20 วันจึงจะบรรจุขวดได้
เตกิล่าสีทอง (โกล์ด-Gold) สีทองของเตกิล่าได้จากสีของถังไม้ที่เก็บบ่มเช่นเดียวกับวิสกี้หรือคอนยัค ทำให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น ตามมาตรฐานของรัฐบาลเม็กซิกันนั้น การเก็บบ่มเตกิล่าสีทองจะต้องบ่มอย่างน้อย 2 เดือนไปจนถึง 6 เดือน แล้วจะได้เตกิล่า ที่มีสีทองอ่อนๆ เตกิล่าชนิดนี้ ภาษาเม็กซิกัน เรียกว่า “รีโพซาโด เตกิล่า” (Reposado Tequila)
เตกิล่า อันเยย-โฮ (Anejo) เป็นเตกิล่าสีทอง ที่มีการเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ค นานอย่างน้อย 1 ปี จะให้รสชาตินุ่มนวล ซึ่งได้มาจากการหมักบ่มที่ได้ที่ และเป็นชนิดที่มีราคาแพงที่สุด
ไม่ว่าเตกิล่าของคุณจะอยู่ในกลุ่มไหน เตกิล่าที่ดีจะต้องทำมาจากน้ำอากาวี่ 100% ดังนั้นเวลาซื้อต้องดูฉลากบนขวดที่จะเขียนว่า 100% De Agave
ยี่ห้อตากีล่าที่่ดังๆ ได้แก่
Jose Cuervo (อ่านว่าโฮเซ่เกอร์โว่)
Patron (อ่านว่าพา-ทร้อน)
เหล้าตากีล่าที่รู้จักกันดีในประเทศไทยคือ
El-Toro
Sierra
วิธีการดื่มเทอกีล่าที่ดี จะต้องดื่มที่อุณภูมิของห้อง
ดื่มแบบ ”ช๊อต” (Shot) คือดื่มเพียวๆ ในแก้วเล็กทรงสูง
ดื่มเพียวๆ เป็นช๊อต ตามด้วยน้ำส้มคั้นที่ปรุงด้วยเครื่องเทศ
ชูทเตอร์ส (Shooters) คือ เลียเกลือที่ทาไว้ที่มือ แล้วดื่มเตกิล่า ตามด้วยมะนาวสดชิ้นเล็กๆ (ซึ่งวิธีนี้ เป็นวิธีที่นิยมที่สุดในการดื่มเตกิล่า)
ในแถบบ้านเรา(ประเทศไทย) มักจะนิยมใส่แก้ว Shot ก้นหนาๆ เพื่อนำไปกระแทกกับโต๊ะพื้นไม้ หรือ โฟเมก้าให้มีเสียงดังๆก่อนดื่ม และจะหยิบเกลือใส่ปากก่อนแล้วบีบมะนาวตาม จากนั้นก็จะยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพื่อให้รสชาติของเหล้าคลุกเคล้ากับเกลือ และมะนาวในปาก
นอกจากจะดื่มกันแบบเพียวๆแล้ว เทอกีล่าก็ใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในค็อกเทลที่มีชื่อ เช่น
มาการิต้า (Margarita)
ซึ่งมีลักษณะคล้ายน้ำมะนาวบ้านเรา ผสมโดยใช้เตกิล่ากับลิเคียว รสส้ม (เช่นแกรนด์มาเนียร์ หรือ ทริปเปอร์ เซ็ค) และ เติมน้ำมะนาว เขย่ากับน้ำแข็ง เสริฟในแก้วค็อกเทล ที่ทาเกลือไว้ที่ขอบแก้ว มาการิต้าสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบ on the rocks หรือ frozen ก็ได้ เหมาะกับการดริ้งค์ในช่วงฤดูร้อนเป็นอย่างยิ่ง
สแลมเมอร์ (Slammers)
บางทีเรียก “ป๊อบ หรือ ป๊อบเปอร์” (Pop, Poper) โดยการใช้ โฮเซ่ คูวโว่ โกล์ด ½ ช๊อต (แก้วช๊อต) แล้วเติมด้วย เซเว่น อัพ หรือ สไปร์ท ในสัดส่วนที่น้อยกว่า ปิดปากแก้วด้วย ผ้ารองแก้ว หรือ กระดาษรองแก้ว (หรือที่เราเรียกว่า โคลส์เตอร์-Coaster) ยกเสริฟโดยใช้แก้วกระแทกไปกับโต๊ะ ทำให้เกิดฟองฟู่ขึ้น แล้วดื่มทันที
ค็อกเทลตัวอื่นๆก็มี เช่น Tequila Sunrise และ Matador เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น